วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประวัติกลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น มาบตาพุด ระยอง และผู้ประสานงาน

ที่มาและการดำเนินการของ

กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น มาบตาพุด ระยอง

Airfresh Society Maptaphut Rayong

(จัดตั้งเมื่อ 5 พฤษภาคม 2544)

เริ่มต้นขึ้นจากปัญหาขยะชุมชน ที่อยู่ข้างที่พักอาศัย ร้านคอมโฮม คอมพิวเตอร์ ถนนโสภณ ซอย 8 มาบตาพุด ระยอง ทำหนังสือร้องเรียนถึง นายกเทศมนตรีมาบตาพุด ให้ช่วยแก้ปัญหาขยะและกลิ่นขยะดังกล่าว ความเป็นชาวบ้านธรรมดามักถูกไถ่ถามถึงที่มาที่ไป ในเมื่อคนอื่นทนได้ แต่ทำไมเราทนไม่ได้ ปัญหาของชุมชนในเขตมาบตาพุดนอกจากเรื่องขยะและน้ำประปาแล้ว ยังมีปัญหาใหญ่เรื่องมลภาวะที่มาจากการมีซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมเคมี-ก๊าซและท่าเรือขนถ่าย และนอกจากปัญหากลิ่นรุนแรงจากมลภาวะทางอากาศ-กลิ่นขยะ-น้ำเสียปนเปรื้อนสารพิษ-ขยะอุตสาหกรรม-น้ำทะเลเสีย-ชายหาดถูกกัดเซาะ แล้ว ยังมีสิ่งที่เป็นมลภาวะทางสังคม คือการซื้อมวลชน-ชุมชน-ตัวแทนชุมชน โดยกองทุนต่างๆของโรงงาน คนที่จะออกมาเรียกร้องให้ผู้คนมาสนใจปัญหาต่างๆ จึงถูกทำให้มองเป็นการเรียกร้องหาผลประโยชน์เกือบทั้งหมด การประท้วงของผู้คนในมาบตาพุด ซึ่งส่วนใหญ่ มาจากเหตุผลเรื่องที่ดิน-การเวนคืนเป็นตัวชี้นำหลัก รวมทั้งการเรียกรับผลประโยชน์ จนปัญหาที่แท้จริงกับถูกหลงลืมไปหมด การย้ายโรงเรียนออกจากพื้นที่เดิม เป็นปัญหาที่ชัดเจนที่สุด ว่าที่นี่มีปัญหา-ที่แก้ไขไม่ได้ การก่อตัวขึ้นของกลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น จึงเริ่มขึ้นจากปัญหาของกลิ่นมลภาวะอากาศรุนแรงที่เกิดขึ้นขณะนั้น

10 พฤษภาคม 2544 ยื่นหนังสือ ร้องเรียนเกี่ยวกับสภาพอากาศพิษที่มากเกินกว่าที่จะยอมรับได้บริเวณตำบลมาบตาพุดและเขตใกล้เคียง ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด ระยอง สำเนา รมต.วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม รมต.อุตสาหกรรม ท่านผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ผลที่ได้รับ พื้นที่นี้มีกฎหมายเฉพาะซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด แต่จะประสานการนิคมแห่งประเทศไทย ที่กำกับดูแลต่อไป

9 กันยายน 2544 - ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ ระยอง 43 ได้จัดส่งเอกสารโครงการเพื่อนำเสนอ 25 ชุมชนของมาบตาพุด ในการพิจารณาให้การสนับสนุนและร่วมต่อสู้กับแหล่งกำเนิดมลพิษ อย่างมีกฎเกณฑ์ ระเบียบ แบบแผนและเป็นรูปธรรมในทิศทางเดียวกัน

ผลที่ได้รับ ไม่ได้รับการใส่ใจ มีผู้มาร่วมน้อยมากจนกำหนดแนวทางอะไรร่วมกันไม่ได้ ขบวนการต่อสู้แบบโดดเดี่ยวจึงเริ่มขึ้น โดย ... คนกลุ่มเล็กๆ 7-8 คน

การรณรงค์ คัดค้านการมาสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน บีแอลซีพี ขนาด 1400 เมกะวัตต์ ที่มาบตาพุด ระยอง

- การติดป้ายคัตเอ้าท์รณรงค์ให้ความรู้ เรื่องมลพิษถ่านหิน บริเวณ ชุมชนต่างๆ

- การติดป้ายรณรงค์คัดค้านโรงไฟฟ้าฟ้าถ่านหิน

- การแจกใบปลิว เรื่องมลภาวะแวดล้อม, ขยะสารเคมี-ขยะอุตสาหกรรม, ปัญหาน้ำเสีย-กลิ่นและมลภาวะ และรณรงค์คัดค้านโรงไฟฟ้าฟ้าถ่านหิน

ผลที่ได้รับ มีการมาของรัฐมนตรีอุตสาหกรรม 2 ครั้ง และมีการประชุมรับปัญหาชาวบ้านที่การนิคมฯ โดยอธิบดีกรมโรงงาน และสุดท้าย สภาพอากาศที่กลิ่นรุนแรงหายไป แต่ได้โรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้นิคมเอเชีย เพิ่มขึ้นมา

15 มิถุนายน 2545 รณรงค์ เรื่องขอให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ

http://www.thaingo.org/cgi-bin/content/content1/show.pl?0037

ผลที่ได้รับ เพิ่งมีผลในปี 2552 ประกาศให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ

21 มิถุนายน 2545 ยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขณะมา ครม.สัญจร เปิดคลินิกชุมชน ของ ปตท.มาบตาพุด เพื่อคัดค้านโรงไฟฟ้าฟ้าถ่านหินบีแอลซีพี

ผลที่ได้รับ มีงบประมาณ ลงมายัง พื้นที่ และการจะสร้าง มหาวิทยาลัย บริเวณ โรงเรียน มาบตาพุดพัน-เดิม แต่ให้สร้างโรงไฟฟ้าฯ ต่อไป

13 มีนาคม 2548 รณรงค์ เรื่องทรัพยากรน้ำ และการปันส่วนน้ำในภาคตะวันออก

http://www.thaingo.org/cgi-bin/content/content1/show.pl?0267

ผลที่ได้รับ- ทางโรงไฟฟ้า บีแอลซีพี สร้างแหล่งเก็บน้ำใน พื้นที่ข้างเคียง ซึ่งเดิมถูกกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนต่อขยาย

โครงการที่อยู่ระหว่างการติดตาม

11 กรกฎาคม 2552 นำเสนอ โครงการกองทุนขยะชุมชน กับ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลมาบตาพุด ระยอง

24 พฤศจิกายน 2552 ร้องเรียนเรื่อง ขยะชุมชนและกลิ่นขยะรุนแรงในหมู่บ้านเบญจพร กับ นายกเทศมนตรี เทศบาลมาบตาพุด ระยอง สำเนา ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, รมต.ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ผลที่ได้รับ มีหนังสือจากผู้ว่าฯถึงนายกฯ ให้ช่วยเร่งรัด นานกว่า 2 สัปดาห์ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จนต้องเกณฑ์คนไปช่วยกันทำเอง

2/2

15 ธันวาคม 2552 นำเสนอกับ ปตท. เรื่องกรณีศึกษาการทรุดตัวของโครงสร้าง ที่ตั้งบนฐานรากตื้นที่ไม่มีการตอกเสาเข็ม ของโรงงานต่างๆของ ปตท. โรงแยกก๊าซที่ 6, โรงแยกก๊าซอีเทน, โรงงาน ปตท.ฟีนอล และโรงงานอื่นๆ ในมาบตาพุด ระยอง ซึ่งฐานรากเกือบทั้งหมดไม่ตอกเสาเข็ม ด้วยความกังวลถึงปัญหาการวิบัติของโครงสร้างระบบท่อและเครื่องจักร การรั่วจำนวนมากหรือจนมีการเกิดระเบิดจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาวะแวดล้อมและชุมชน ในวงกว้าง ถ้ากรณีที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่นเดียวกันกับ ไฟไหม้แท่นเจาะ ของ ปตท.สผ ในทะเลของประเทศออสเตรเลีย หรือ ไฟไหม้โรงงานก๊าซของเอสโซ่ ในลองฟอร์ด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีปัญหามาจากการออกแบบ หรือ ไฟไหม้โรงงานปิโตรเคมี ในประเทศจีน ที่เพิ่งเกิดขึ้น นำเสนอเพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและคณะผู้ตรวจสอบ-ติดตามฯ แก้ไขความแข็งแรงโครงสร้างฯ

ปตท. อ้างว่า ออกแบบถูกต้องโดยบริษัทมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศได้รับการอนุมัติโดยหน่วยงานภาครัฐ มีการทดสอบการรับน้ำหนักของดิน ซึ่งเป็นดินปรับถมใหม่ ว่าสามารถใช้ฐานรากตื้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอกเสาเข็ม ความสูงเฉลี่ยโครงสร้างระบบท่อและเครื่องจักร ประมาณ 15-18 เมตร เทียบกับตึกสูง 5-6 ชั้น (ขณะที่โรงงานใกล้เคียงมีการใช้เสาเข็มเจาะหรือเสาเข็มตอกจำนวนมาก กับโครงสร้างต่างๆที่มีขนาดเล็กกว่า)

ความห่วงใยกังวลนี้ มาจากวิศวกรโยธาหลายท่านที่ก่อสร้างโรงงานให้กับ ปตท. ที่พบว่า หลายโครงการนั้นไม่มีการตอกเสาเข็มและมีการทรุดจำนวนมาก ขณะติดตั้งโครงเหล็ก-ท่อ-เครื่องจักร ต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบ และกังวลว่าถ้าเปิดใช้โรงงานแล้ว จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นตามมาอีกเพราะเป็นโรงงานก๊าซและสารเคมีอันตราย บางโครงการของ ปตท. ที่สามารถแนะนำทัดทานได้ มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบจนมีการใช้เสาเข็มจำนวนมาก และ วิศวกรโยธา 3-4 ท่าน ซึ่งเดิมจะมาร่วมเป็น คณะตรวจสอบ-ติดตาม เพื่อแก้ไข เพิ่มความแข็งแรงด้วย ซึ่งขณะนี้ยังคงทำงานอยู่ใน พื้นที่ มาบตาพุด

ความร่วมมือกับองค์กรประชาสังคมอื่น และการร่วมสัมมนา รวมทั้งการส่งข้อมูลข่าวสาร

· เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกคุณสุทธิ อัชฌาสัย

· สภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานฯ คุณสมบุญ สีคำดอกแคม

· กลุ่มกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - คุณธารา บัวคำศรี

· งานกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรมคุณเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง

· กลุ่มรักท้องถิ่นปลวกแดง

· กลุ่มถังตรวจอากาศ

· การร่วมสัมมนา กับเครือข่ายสิ่งแวดล้อมและกลุ่มศึกษาฯ ต่างๆ

เวบไซด์-เวบบล็อก ของกลุ่มพิทักษ์อากาศ

www.airfresh-society.co.cc เวบไซด์ ปี 2552 ประกาศมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ

http://www.boonchoo.org/airfresh/indexo.htm เวบไซด์ ปี 2548 คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน

www.oknation.net/blog/airfresh-society เวบบล็อก เครือข่ายเนชั่น

http://airfresh-society.blogspot.com/ เวบบล็อก เครือข่ายกูเกิ้ล

http://khonmaptaphut.blogspot.com/ เวบบล็อก คนมาบตาพุด

การจดทะเบียน - ส่วนสนับสนุน

· เป็นกลุ่มผู้ที่รัก-สนใจสิ่งแวดล้อม ท้วงติง นำเสนอ เพื่อให้มีการแก้ไข ไม่ได้จดทะเบียนกับ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

· ไม่ได้เป็นนิติบุคคลเพื่อทำการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคหรือเงินสนับสนุน ซึ่งไม่เคยมีการดำเนินการลักษณะดังกล่าว และใช้จ่ายเท่าที่สามารถแบ่งจากที่มีใช้ แล้วทำแบบประหยัด

· ไม่ได้เข้าเป็น กรรมการสิ่งแวดล้อม หรือ กรรมการอื่นใดๆ ในโครงการก่อสร้างของโรงงานต่างๆ และการนิคมฯต่างๆ

· ไม่มีธุรกิจ ที่ทำร่วมกับโรงงานใดๆ ยกเว้นการทำงาน ในฐานะพนักงานบริษัทฯ (วิศวกรโยธา)

ประวัติและงานกิจกรรม ผู้จัดตั้งกลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น

นายศรัลย์ ธนากรภักดี, จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 12


งานกิจกรรม

· ประธานชมรมศิลปะและการออกแบบ คณะวิศวฯ

· กลุ่มงานค่ายอาสา-อนุรักษ์-วรรณศิลป์ สโมสรนักศึกษา มช.

· กลุ่มรณรงค์คัดค้านการลดค่าเงินบาท (สมัย นายกเปรม)

· กลุ่มรณรงค์เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

งานกิจกรรมหลังจากจบการศึกษา

· อภิปรายร่วม งานครบ 100 วัน คณะรัฐประหาร รสช.

· ประสานงานมวลชนเรียกร้องประชาธิปไตย 4-20 พฤษภาคม 2535

· จัดตั้ง กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น 5 พฤษภาคม 2544

· ร่วมงานสัมมนา ของเครือข่ายสิ่งแวดล้อมต่างๆ

ประสบการณ์งานวิศวกรรมโยธาและงานบริหาร

· มีความชำนาญงานด้านคอมพิวเตอร์

· ออกแบบโปรแกรม Payroll / Cost Control

· งานออกแบบเวบไซด์ / สื่อสารสนเทศ - http://www.srun-blogs.co.cc

· งานประมูลงานทั่วไป / แผนงาน-รายรับ-รายจ่ายโครงการ

· งานจัดรูปแบบองค์กร และปรับปรุงงานบริหาร

· งานควบคุมโครงการ / งานเคลม -

· งานให้คำปรึกษา ปัญหาวิศวกรรม / บริหารวิธีการก่อสร้างwww.project-control.co.cc

· การเพิ่มองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมและการบริหารโครงการ



ภาครัฐกับการสางปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือรับประกันให้โรงงาน

กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น ยื่นหนังสือ กับนายกอภิสิทธิ์
ส่งเอกสารกับมือนายกอภิสิทธิ์ 16 ม.ค. 53 - ถ่ายโดยสำนักงานเลขานายก

หลายเดือนที่ผ่านมาจากการประกาศให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ นอกจากมีโครงการลูบหน้าปะจมูกไปวันๆ คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่ตั้งขึ้น มาครั้งแรก ก๊าซรั่ว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 มาครั้งล่าสุด ก๊าซคลอรีน ก้อรั่วอีก จนมีผู้เจ็บป่วยหลายร้อยคน เมื่อ 7 มิถุนายน 2553 มีการสอบสวนหาสาเหตุ แต่ไม่มีผล ออกมาให้สาธารณะได้รับรู้ ซึ่งรู้จากข่าวที่บอกต่อๆกันว่า ดินใต้ฐานรับถังทรุดตัว เพราะฐานไม่ได้ตอกเสาเข็มก็แบบนั้น ถึงวันนี้ หมดหน้าที่ ของ คกก.4 ฝ่าย ไปแล้ว เรื่องทั้งหมดส่งมายังรัฐบาลเป็นกรอบกว้างๆ ของโครงการหรือกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและสภาวะแวดล้อม ซึ่งจะต้องดำเนินต่างๆ ตาม EIA หรือ HIA ตามที่ระบุ ถึงบัดนี้ รัฐบาลยังสับสนกับกรอบกว้างๆ นั้น จนไม่อาจประกาศได้ในเวลาสั้น อ้างว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมขอเวลาทบทวนอีก 2 เดือน ภาคอุตสาหกรรมต่างพากันรุมตำหนิว่า เดือนเดียวก้อยังช้าเกินไป เพราะรอมานานกว่า 8 เดือนแล้ว ถึงอย่างไร ก้อต้องรอคำสั่งศาลปกครอง ที่คุ้มครองชั่วคราวอยู่ ไม่ใช่รัฐบาลประกาศ ก้อจะดำเนินการอะไรได้เลยแบบนั้น

วันที่ 27 พฤษภาคม 2553 มีวิศวกรโยธา ไปฟ้องศาลปกครองอีก เรื่องโรงแยกก๊าซ และโรงงานผลิตสารฟีนอล ของ ปตท. ไม่ได้ตอกเสาเข็ม ทั้งโครงการ อะไรเกิดขึ้น ก้อในเมื่อมีการตรวจสอบโดย คกก. 4 ฝ่ายแล้ว หรือไม่มีการทำแบบนั้น แม้วันนี้ โครงการทีถูกระงับ ก้อแอบดำเนินการกันต่อโดยไม่ยี่หระ คำสั่งศาล ก็นี่คือประเทศไทย ที่สื่อมวลชน-นักสิ่งแวดล้อม(ตัวปลอม)-ภาครัฐ-ภาคอุตสาหกรรม รวมร่วมกันทำไม่รู้ไม่เห็น ตราบใดที่

สื่อมวลชน ยังต้องการค่าโฆษณา มาแค่ ... ยาใส้ จริงๆหรือ เป็นกันทุกสื่อ ยิ่งช่วงนี้ มีโครงการ 1 ล้านกล้า (ทุ่มค่าโฆษณาสร้างภาพ จำนวนเป็นพันล้านบาท)
นักสิ่งแวดล้อม ยังต้องการรายได้ที่ไม่มีที่มาชัดเจน และได้เป็นคณะกรรมการต่างๆ มีทุนต่างๆมาสนับสนุน

ความเสี่ยงของคนมาบตาพุดไม่ได้หายไป จากการโฆษณาหรือมีโครงการเสริมภาพลักษณ์ และไม่ได้หายไป จากการมีสิ่งของเงินทองมาแจกชาวบ้าน แจกผู้นำชุมชนต่างๆ ความเสี่ยงคงยังอยู่ต่อไป ตลอดอายุของการใช้งานโรงงาน จนกว่าจะมีการตรวจสอบและแก้ไขให้แข็งแรง ตามที่ควรเป็น และมีการตรวจสอบในกรอบเวลาที่ชัดเจน รวมทั้งมีการเฝ้าระวัง แต่ขณะนี้ทุกภาคส่วน กำลังจะปล่อยผ่านไป แบบช่วยกันปกปิด ช่วยกันไม่สนใจ ด้านล่างก้อเป็นตัวอย่างของความใส่ใจของคนภาครัฐ ว่าพ้นหน้าที่หมดความรับผิดชอบ คือคำตอบ

คุณ กอร์ปศักดิ์ ตอบมาว่า พ้นความรับผิดชอบไปแล้ว แต่จะประสาน รมต. อุตสาหกรรม คนใหม่ให้
แบบนี้ครับ ... ความรับผิดชอบ!!!

สื่อประเทศไทย ... บอกเสียงเดียวกันหมด รอให้ไฟไหม้ระเบิดก่อน ตอนนี้ เป็นผีโม่แป้งให้ ปตท. อยู่ รอให้คนมาบตาพุด บาดเจ็บล้มตาย กันเยอะๆก่อน เพราะคนมาบตาพุดเอง ก้อไม่มีใครสนใจ โรงงานก๊าซจะรั่ว โรงงานจะระเบิด / ปตท. แถลงข่าวแล้วว่าออกแบบอย่างดี มีบริษัท เกาหลี มาก่อสร้าง บริษัทฝรั่ง มาควบคุมงาน แล้ว บริษัทใหญ่ อย่างอิตาเลี่ยนไทย มาทำฐานรากให้

รอเหตุสลด - แล้วรอฟังผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้ ออกมาให้ข่าว / งบเยียวยา เทียนไว้อาลัย คงมาแถวมาบตาพุด ตรืม แล้วจะมีประโยชน์อย่างไรครับ ท่านนายกอภิสิทธิ์ ที่รับรู้เรื่อง ทั้งทางอีเมล์ ทั้งเฟรชบุ๊ก หลายๆครั้ง คงยังดันทุรัง ให้คนมาบตาพุดเสี่ยงตายอยู่ เพื่อเศรษฐกิจชาติ ตลอด 25-30 ปี อายุการใช้งานโรงแยกก๊าซ ปตท. วันไหนก้อวันนั้น

ตอบมาบอกว่า จะเอาที่ คกก. 4 ฝ่าย สรุป มาทำเป็นรูปธรรม

ก้อเท่ากับยังไม่มีการตรวจสอบหรือให้หยุดโครงการเสี่ยง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น